บอกหรือสอนไปไม่ได้ผลไม่ได้ความ ไม่สนใจอะไร ไม่ฟังในสิ่งที่สอนสั่ง
ประเภทสำนวน
"เข้าหูซ้ายทะลุหูขาว" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายได้ตรงตัว ต้องตีความเป็นพิเศษ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่การเปรียบเทียบแบบคำพังเพย แต่เป็นการบรรยายพฤติกรรมเฉพาะด้วยถ้อยคำที่มีความหมายเฉพาะ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้อธิบายถึงลักษณะการฟังแล้วไม่จดจำหรือไม่ใส่ใจในสิ่งที่ได้ยิน คล้ายกับว่าเสียงหรือคำพูดที่ได้ยินนั้นเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาโดยไม่มีการประมวลผลหรือเก็บไว้ในความทรงจำ สะท้อนถึงการไม่ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เข้าหูซ้ายทะลุหูขาว" ในประโยค
- แม่บอกให้ลูกช่วยล้างจาน แต่เห็นได้ชัดว่าคำพูดของแม่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะลูกยังคงเล่นเกมต่อไม่ขยับตัวเลย
- ครูสอนไปก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา พอถึงเวลาสอบนักเรียนคนนี้ก็ทำข้อสอบไม่ได้สักข้อ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี