กระโดดโลดเต้นอึกทึกครึกโครมอย่างเล่นโขน, ทำท่าและออกเสียงเอะอะด้วยความโกรธ
ประเภทสำนวน
"ออกยักษ์ออกโขน" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะที่ใช้ในภาษาไทย มีความหมายที่แฝงในลักษณะเปรียบเทียบถึงพฤติกรรมบางอย่าง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากวัฒนธรรมการแสดงโขนที่เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย ผู้แสดงโขนต้องสวมหัวโขนที่มีลักษณะใหญ่และมีน้ำหนัก รวมถึงมีท่าทางการแสดงที่เป็นแบบแผน การ 'ออกยักษ์ออกโขน' จึงเปรียบเหมือนการแสดงความโกรธที่เกินกว่าเหตุ เหมือนตัวละครยักษ์ในการแสดงโขน ที่มีอากัปกิริยารุนแรง ดุดัน เกรี้ยวกราด แสดงอารมณ์อย่างรุนแรงและเกินจริง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ออกยักษ์ออกโขน" ในประโยค
- เห็นลูกทำแก้วตกแตก แทนที่จะพูดดีๆ กลับออกยักษ์ออกโขนตะคอกเสียงดังจนเด็กร้องไห้
- พอเขาเห็นว่ารถมีรอยขีดข่วนนิดหน่อย ก็ออกยักษ์ออกโขนกับคนล้างรถจนทุกคนในร้านหันมามอง
- เธอนี่ชอบออกยักษ์ออกโขนเวลาโกรธ ทั้งที่เรื่องเล็กน้อยก็แก้ไขกันได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี