ประเภทสำนวน
"หายเข้ากลีบเมฆ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเฉพาะที่ไม่สามารถเข้าใจได้จากความหมายตรงตัวของคำ ต้องเรียนรู้ความหมายเฉพาะ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (สุภาษิต) หรือการเปรียบเทียบที่ต้องตีความ (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการสังเกตสิ่งที่หายไปในท้องฟ้า เช่น นก เครื่องบิน หรือวัตถุที่ลอยขึ้นสูง แล้วหายไปในหมู่เมฆจนมองไม่เห็น เปรียบเทียบกับการที่บุคคลหรือสิ่งของหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่สามารถติดตามหรือค้นหาได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หายเข้ากลีบเมฆ" ในประโยค
- หลังจากเขาถูกวิจารณ์อย่างหนัก ดาราคนดังคนนี้ก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย ไม่มีใครรู้ว่าหลบไปอยู่ที่ไหน
- นักต้มตุ๋นหลอกเอาเงินไปหลายล้านแล้วหายเข้ากลีบเมฆ ตำรวจตามหาตัวไม่เจอมาหลายเดือนแล้ว
- พอโดนเจ้านายต่อว่าเรื่องงานผิดพลาด เขาก็หายเข้ากลีบเมฆไปสองสามวัน ไม่มาทำงาน ไม่รับโทรศัพท์ใครเลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี