เที่ยวเข้าไปรู้ในเรื่องของคนอื่น
มักใช้ในทางไม่ดี เช่น ใครเขาจะทำอะไรกันที่ไหน ก็เที่ยวไปสอดรู้เขาหมด เขาเป็นคนช่างสอดรู้สอดเห็น มีเรื่องของชาวบ้านมาเล่าเสมอ
ประเภทสำนวน
"สอดรู้สอดเห็น" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และต้องตีความเพิ่มเติมถึงลักษณะพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การชอบเข้าไปรู้เรื่องราวหรือกิจการของผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน มักใช้ในเชิงตำหนิพฤติกรรมของคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็น ยุ่งเรื่องของคนอื่น หรือเข้าไปวุ่นวายในเรื่องที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คำว่า 'สอดรู้' และ 'สอดเห็น' เน้นย้ำถึงการพยายามล่วงรู้และเข้าไปมีส่วนในเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สอดรู้สอดเห็น" ในประโยค
- แม่บ้านคนนี้ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเพื่อนบ้าน ทำให้หลายคนไม่ชอบพูดคุยด้วย
- เธอควรเลิกนิสัยสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นได้แล้ว จดจ่อกับชีวิตของตัวเองจะดีกว่า
- พวกนักข่าวบางคนชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของดารา จนบางครั้งเจ้าตัวต้องออกมาขอความเป็นส่วนตัว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี