ประเภทสำนวน
"ลืมตาอ้าปาก" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นคำเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะที่ใช้กันในภาษาไทย มีความหมายพิเศษเกี่ยวกับการมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การลืมตาและอ้าปากตามตัวอักษร
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การเริ่มมีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีฐานะดีขึ้น หลังจากที่เคยลำบากมาก่อน เปรียบเสมือนคนที่เคยอยู่ในภาวะที่แทบจะหลับตาอ้าปากไม่ได้ (หมายถึงลำบากมาก) แล้วสามารถพลิกฟื้นชีวิตให้ดีขึ้นจนสามารถลืมตาอ้าปากได้ คือมีชีวิตที่สบายขึ้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ลืมตาอ้าปาก" ในประโยค
- หลังจากใช้หนี้หมดแล้ว ครอบครัวเราก็เริ่มลืมตาอ้าปากได้ เก็บเงินซื้อบ้านได้เสียที
- ตั้งแต่ลูกเรียนจบทำงานช่วยส่งเงินมาให้ พ่อแม่ก็ลืมตาอ้าปากขึ้นมาก ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี