ร่วมกันทำงานย่อมประสบความสำเร็จได้ แต่ทางตรงกันข้าม ถ้าแยกกันทำไม่รวมใจกัน งานอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเอาได้
รวมกันเราอยู่แยกกันเราตาย ก็ว่า
ประเภทสำนวน
"รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า จัดเป็นสุภาษิตเพราะเป็นคำสอนโดยตรงที่ชัดเจน ให้ข้อคิดเรื่องความสามัคคี มีลักษณะเป็นคำสอนที่เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความเพิ่มเติม และเป็นประโยคที่สมบูรณ์ในตัวเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้เห็นความสำคัญของความสามัคคี การร่วมแรงร่วมใจกันในกลุ่ม สังคม หรือประเทศชาติ โดยชี้ให้เห็นว่าการรวมกลุ่มกันจะทำให้เกิดความเข้มแข็ง สามารถฝ่าฟันอุปสรรคและภัยอันตรายได้ ในทางตรงกันข้าม หากแยกกันอยู่ แตกความสามัคคี ย่อมนำไปสู่ความอ่อนแอและความล้มเหลว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย" ในประโยค
- ผู้นำเตือนประชาชนว่า รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันในยามประเทศกำลังเผชิญวิกฤติ
- ครูสอนนักเรียนว่า รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย เพื่อให้เห็นคุณค่าของการทำงานเป็นทีม
- คนในหมู่บ้านเผชิญภัยน้ำท่วม แต่เพราะ รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย พวกเขาจึงช่วยกันสร้างคันกั้นน้ำจนผ่านพ้นวิกฤติไปได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี