นึกไม่เห็น, คิดไม่ออก, จนปัญญาไม่รู้จะหาทางออกได้อย่างไร, เช่น ตอนนี้รู้สึกมืดแปดด้านไปหมด
ประเภทสำนวน
"มืดแปดด้าน" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีสั้นๆ ที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถเข้าใจได้จากการแปลความหมายตรงตัว ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะในภาษาไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากความมืดที่ปกคลุมทุกทิศทั้งแปดทิศ (ทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันตกเฉียงใต้) เปรียบเสมือนสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก หมดหนทางแก้ไข หรือตกอยู่ในสภาพที่ยากลำบากมาก ไม่เห็นช่องทางแก้ไข คล้ายกับการอยู่ในความมืดที่มองไม่เห็นทางออกในทุกทิศทาง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "มืดแปดด้าน" ในประโยค
- หลังจากถูกเจ้าหนี้ทวงหนี้พร้อมกันหลายราย เขารู้สึกมืดแปดด้านไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้
- บริษัทประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก จนสถานการณ์มืดแปดด้าน ไม่เห็นหนทางฟื้นฟูกิจการ
- ชีวิตของเธอตอนนี้มืดแปดด้าน ทั้งตกงาน เป็นหนี้ และป่วยหนัก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี