หัวหน้าคนรับใช้ที่ใช้ออกหน้าออกตา, ผู้รับหน้าแทนนาย.
ประเภทสำนวน
"ทนายหน้าหอ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ ต้องทราบความหมายเฉพาะที่ใช้ในภาษาไทย ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง (สุภาษิต) หรือเป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้ข้อคิด (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากสมัยก่อนที่มีคนไม่ได้เป็นทนายจริงๆ แต่มีความรู้ทางกฎหมายบ้าง หรือรู้จักขั้นตอนการดำเนินคดีพอสมควร จึงมารับจ้างช่วยเหลือคนที่ไม่เข้าใจระบบศาล โดยมักจะรออยู่บริเวณหน้าศาล (หน้าหอ) เพื่อรับงานจากคนที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่บุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีใบอนุญาตทนายความที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ทนายหน้าหอ" ในประโยค
- เขาแค่เป็นทนายหน้าหอ ไม่ใช่ทนายจริงๆ อย่าไปเชื่อคำแนะนำทางกฎหมายจากเขามากนัก
- คุณลุงคนนี้เคยเป็นทนายหน้าหอมาก่อน แม้จะไม่มีใบอนุญาต แต่ก็พอจะให้คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับคดีความได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี