เป็นอาการของคนที่มีความรู้สึกอิจฉาผู้อื่นในเรื่องต่าง ๆ ที่เหนือกว่าตน หรือเห็นคนอื่นได้ดี
ใช้ในทางไม่ดีก็ได้แต่บางบริบทนั้นก็นิยมเอามาพูดเล่น ๆ แซวกัน ขำขำ ในวงคนรู้จักกันก็มีให้เห็นโดยทั่วไป
อิจฉาตาร้อน ก็ว่า
ประเภทสำนวน
"ตาร้อน" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะในภาษาไทย ไม่ใช่การสอนโดยตรงหรือการเปรียบเทียบ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้อธิบายอาการของคนที่เห็นคนอื่นมีของดี สวยงาม หรือน่ามีน่าเป็น แล้วเกิดความอยากได้อยากมีเหมือนกัน หรือรู้สึกอิจฉาริษยา เปรียบเหมือนดวงตาเกิดความรู้สึกร้อนรนเมื่อเห็นสิ่งที่น่าปรารถนา
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตาร้อน" ในประโยค
- พอเห็นเพื่อนซื้อรถใหม่ป้ายแดง เขาก็ตาร้อนอยากได้บ้าง ทั้งที่รถเก่ายังใช้ได้ดีอยู่
- พี่สาวไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมาใหม่ น้องสาวตาร้อนจนต้องขอเงินพ่อแม่ซื้อบ้าง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี