ทำงานเสร็จทันเวลาแต่ด้วยความกระทันหัน เฉียดฉิวเกือบจะไม่ทันรอดตัวได้หวุดหวิด
ประเภทสำนวน
"คาบเส้นยาแดง" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้จากการแปลตรงตัว ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะที่ใช้ในภาษาไทย การกระทำที่ 'คาบเส้นยาแดง' ไม่ได้หมายถึงการคาบเส้นด้ายสีแดงจริงๆ แต่มีความหมายเฉพาะถึงการทำผิดกฎหมายหรือข้อห้าม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำว่า 'เส้นยาแดง' มาจากสมัยโบราณที่ใช้เส้นด้ายสีแดงขีดเส้นในเอกสารทางราชการหรือกฎหมายเพื่อแสดงขอบเขตที่ห้ามล่วงล้ำ หรือใช้ในการแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของข้อห้ามหรือกฎเกณฑ์ที่ไม่ควรฝ่าฝืน การ 'คาบเส้นยาแดง' จึงหมายถึงการกระทำที่เกือบจะผิดกฎหมาย หรืออยู่ในขั้นที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎเกณฑ์หรือกฎหมาย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คาบเส้นยาแดง" ในประโยค
- การที่ร้านเหล้าเปิดให้บริการจนถึงเที่ยงคืนนับว่าคาบเส้นยาแดงแล้ว เพราะกฎหมายกำหนดให้ปิดเวลาเที่ยงคืน
- นักการเมืองคนนี้มักพูดจาโจมตีฝ่ายตรงข้ามในลักษณะที่คาบเส้นยาแดง เกือบจะเข้าข่ายหมิ่นประมาทอยู่หลายครั้ง
- การที่บริษัทหลีกเลี่ยงภาษีด้วยวิธีการนี้ถือว่าคาบเส้นยาแดง แม้จะไม่ผิดกฎหมายโดยตรงแต่ก็อยู่ในเขตสีเทาที่อาจถูกตรวจสอบได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี