เรื่องราวตามมาหรือเบื้องลึกเบื้องหลังที่มีหลุดออกออกมา หรือสิ่งที่ตามมาเป็นกระแสยังไม่จบซะทีเดียว จากเรื่องที่พึ่งเกิดยังไม่หมดสิ้นกลับปรากฏขึ้นอีก หรือผลพวงที่ตามมาจากเรื่องเหล่านั้น
ประเภทสำนวน
"ควันหลง" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นคำหรือวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ ต้องตีความความหมายพิเศษ เพราะแค่คำว่า 'ควันหลง' ถ้าแปลตรงตัว จะไม่สื่อถึงความหมายที่แท้จริงคือเรื่องราวที่ค้างคาจากอดีต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวน 'ควันหลง' มีความหมายถึงเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วยังคงมีผลกระทบหรือยังไม่จบสิ้นในปัจจุบัน เปรียบเสมือนควันไฟที่ยังคงหลงเหลืออยู่หลังจากไฟดับไปแล้ว อาจหมายถึงความขัดแย้ง ปัญหา หรือเรื่องราวที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้จบสิ้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ควันหลง" ในประโยค
- หลังจากทะเลาะกันครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ถึงตอนนี้พวกเขาจะคุยกันได้แล้ว แต่บางครั้งก็ยังมีควันหลงให้เห็นเวลาพูดคุยเรื่องบางเรื่อง
- การเมืองในประเทศนี้ยังมีควันหลงจากรัฐประหารครั้งที่แล้ว ทำให้ความขัดแย้งยังคงปรากฏให้เห็นเป็นระยะ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี