พอดีกัน จะว่าข้างไหนดีกว่ากันไม่ได้
ประเภทสำนวน
"ขนมจีนผสมน้ำยา" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษซึ่งไม่สามารถแปลตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะของสำนวนนี้ การนำขนมจีนมาผสมน้ำยาไม่ได้มีความหมายตรงตัวเกี่ยวกับอาหาร แต่เป็นการอุปมาถึงพฤติกรรมบางอย่าง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การทำให้ยุ่งเหยิง สับสน หรือปนเปกันไปหมด เปรียบเหมือนการนำขนมจีนมาคลุกเคล้ากับน้ำยาจนเละเทะ ยุ่งเหยิงจนแยกไม่ออก หรือตีความอีกนัยหนึ่งว่า การเข้าไปยุ่งหรือร่วมวงในเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตนเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขนมจีนผสมน้ำยา" ในประโยค
- การจัดเอกสารของเธอแบบนี้ ขนมจีนผสมน้ำยาหมดแล้ว ใครจะไปค้นหาอะไรได้
- ถ้าปล่อยให้เด็กๆ เล่นของเล่นกันเองโดยไม่มีคนดูแล สุดท้ายก็ ขนมจีนผสมน้ำยา เละเทะไปหมด
- ปัญหาเรื่องนี้ถูกจัดการแบบขนมจีนผสมน้ำยา เพราะมีคนหลายฝ่ายเข้ามายุ่งจนไม่รู้ว่าใครรับผิดชอบอะไร
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี