ป่วยหรือบาดเจ็บมากจนแทบเสียชีวิต, มักใช้ว่า ไม่ตายก็คางเหลือง
ประเภทสำนวน
"ไม่ตายก็คางเหลือง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความที่เปรียบเปรย มีความหมายแฝง ที่ต้องตีความเกี่ยวกับสภาพหรือผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่คำสอนโดยตรงและไม่ใช่สำนวนที่มีความหมายเฉพาะที่ไม่สามารถแปลได้ตรงตัว
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากผลลัพธ์ของการเจ็บป่วยหนัก ถ้าไม่ถึงกับเสียชีวิต ก็จะป่วยหนักจนผอมซีด มีผิวหนังเหลือง (โดยเฉพาะบริเวณคาง) ใช้เปรียบเปรยถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย ที่หากไม่ถึงขั้นเสียชีวิตหรือล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ก็จะได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอย่างมาก
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไม่ตายก็คางเหลือง" ในประโยค
- หากเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วนที่รถวิ่งเร็วขนาดนั้น ไม่ตายก็คางเหลือง ต้องระมัดระวังการขับขี่ให้มาก
- ถ้าลงทุนไปกับโครงการเสี่ยงแบบนี้ ไม่ตายก็คางเหลือง น่าจะหาทางเลือกที่ปลอดภัยกว่านี้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี