ประเภทสำนวน
"เล่นหูเล่นตา" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ การ 'เล่นหูเล่นตา' มีความหมายเฉพาะที่ต้องตีความ ไม่ได้แปลว่าเล่นกับอวัยวะจริงๆ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (สุภาษิต) และไม่ใช่การเปรียบเทียบ (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การส่งสายตาหรือให้ความสนใจเป็นพิเศษกับอีกฝ่ายหนึ่งในเชิงชู้สาว โดยแสดงกิริยาอาการเพื่อเกี้ยวพาราสี หรือแสดงความสนใจในเชิงชู้สาว ซึ่งมักเกิดขึ้นในลักษณะต่างคนต่างรู้กันเฉพาะสองคน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เล่นหูเล่นตา" ในประโยค
- เธอกับเขาชอบเล่นหูเล่นตากันตลอดเวลา สงสัยจะมีใจให้กันแล้วล่ะ
- แม่ของเขาไม่ชอบที่เห็นลูกชายเล่นหูเล่นตากับสาวที่ทำงาน เพราะกลัวว่าจะเสียงานและเสียตัว
- ครูจับได้ว่านักเรียนคู่นี้เล่นหูเล่นตากันในห้องเรียน จึงเรียกไปตักเตือน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี