อาการที่เล่าเป็นจริงเป็นจังเหมือนกับรู้เห็นมาด้วยตนเอง เช่น พูดเป็นตุเป็นตะ
ประเภทสำนวน
"เป็นตุเป็นตะ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ แต่ต้องทราบนัยเฉพาะในภาษาไทย คำว่า 'เป็นตุเป็นตะ' ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้จากคำประกอบโดยตรง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้ใช้อธิบายลักษณะของคนที่มีความกระตือรือร้น ทำอะไรเร็ว รีบร้อน หรือมีความตื่นเต้น จนบางครั้งอาจดูวุ่นวาย สับสน หรือไม่เป็นระเบียบ คำว่า 'ตุ' และ 'ตะ' เป็นคำเลียนเสียงที่แสดงถึงความรีบเร่ง วุ่นวาย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เป็นตุเป็นตะ" ในประโยค
- พอรู้ว่าแฟนกำลังจะมาหา หล่อนเป็นตุเป็นตะรีบแต่งตัว จัดบ้านให้เรียบร้อย
- เด็กๆ เป็นตุเป็นตะกันใหญ่เมื่อได้ยินว่าครูจะพาไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์
- ทำไมต้องเป็นตุเป็นตะขนาดนั้น ใจเย็นๆ หน่อย เดี๋ยวทำพลาดเอา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี