เงินที่ได้มาไม่เป็นกอบเป็นกําแล้วใช้จ่ายหมดไปโดยไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ประเภทสำนวน
"เบี้ยหัวแตก" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนที่ต้องตีความความหมายพิเศษเฉพาะ ไม่สามารถเข้าใจได้จากความหมายตรงตัว ไม่มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่มีการเปรียบเทียบชัดเจนเหมือนคำพังเพย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากเบี้ย ซึ่งเป็นเงินตราโบราณที่มีลักษณะเป็นรูปหอยเบี้ย เมื่อแตกกระจายไปจึงเก็บรวบรวมยากและมีมูลค่าลดลง ใช้เปรียบเทียบถึงทรัพย์สินหรือสิ่งของที่แตกกระจาย กระจัดกระจายไปอย่างไร้ระเบียบ หรือแสดงถึงการที่สิ่งของหรือกลุ่มคนที่เคยรวมกันอยู่กระจัดกระจายแยกย้ายไปคนละทิศละทาง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เบี้ยหัวแตก" ในประโยค
- หลังจากที่เจ้าของบริษัทเสียชีวิตลง ทายาททั้งหลายก็แย่งสมบัติกันจนเบี้ยหัวแตก ทำให้ธุรกิจล้มสลายในที่สุด
- พอบิดาเสียชีวิตลง ลูกๆ ก็เบี้ยหัวแตก แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ไม่มีใครดูแลมารดาที่แก่ชราแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี