แสดงอาการดีอกดีใจหรือสนุกสนาน ด้วยการกระโดดโลดเต้น
ประเภทสำนวน
"เต้นแร้งเต้นกา" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ และต้องใช้การตีความเพื่อเข้าใจความหมายที่แท้จริง ไม่มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่การเปรียบเทียบแฝงข้อคิดอย่างคำพังเพย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากลักษณะอาการของนกแร้งและนกกาที่บินวนเวียนไปมา กระโดดไปกระโดดมาอย่างกระวนกระวาย โดยเฉพาะเมื่อมีอาหารหรือซากสัตว์ให้จิกกิน สำนวนนี้จึงใช้เปรียบเทียบกับอาการกระวนกระวาย ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะความตื่นเต้น หรือหวังผลประโยชน์บางอย่าง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เต้นแร้งเต้นกา" ในประโยค
- เมื่อมีข่าวว่าจะเปิดรับสมัครงานตำแหน่งใหม่ พนักงานทุกคนก็เต้นแร้งเต้นกาไปหมด เตรียมประวัติส่วนตัว เขียนจดหมายสมัครงานกันวุ่น
- พอทราบว่าเจ้านายจะเลื่อนตำแหน่งคนใดคนหนึ่ง พวกลูกน้องก็เต้นแร้งเต้นกาหาทางประจบเอาใจกันใหญ่
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี