เกลียดตัวเขาแต่อยากได้ผลประโยชน์จากเขา
ประเภทสำนวน
"เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่แสดงถึงความขัดแย้งในพฤติกรรมของคน ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายเฉพาะแบบสำนวนไทย แต่ต้องตีความเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจความหมายที่แท้จริง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากพฤติกรรมของคนที่พูดว่าไม่ชอบหรือเกลียดสิ่งใด แต่กลับเลือกรับประโยชน์หรือความสุขจากสิ่งนั้น เปรียบเสมือนคนที่บอกว่าเกลียดไก่แต่กลับกินไข่ หรือเกลียดปลาไหลแต่กลับกินน้ำแกงที่ทำจากปลาไหล แสดงถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างคำพูดกับการกระทำ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" ในประโยค
- แม้เขาจะประกาศว่าเกลียดพ่อเศรษฐีคนนั้น แต่ก็ยังรับเงินที่พ่อเศรษฐีให้ทุกเดือน นี่เรียกว่าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
- เธอบอกว่าไม่ชอบการเมือง แต่พอมีผลประโยชน์จากนโยบายรัฐก็รีบคว้าเอาไว้ เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงชัดๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี