ประเภทสำนวน
"ว่าวติดลม" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่ติดใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนหยุดไม่ได้ โดยเปรียบกับลักษณะของว่าวที่ลอยไปตามแรงลม ซึ่งมีความหมายแฝงที่ต้องตีความและไม่ใช่คำสอนโดยตรง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะของว่าว เมื่อว่าวลอยขึ้นและถูกกระแสลมพัด จะทำให้ลอยไปเรื่อยๆ ควบคุมได้ยาก เปรียบเทียบกับคนที่เมื่อได้ทำหรือพบสิ่งที่ถูกใจแล้ว ก็มักจะหลงใหล ติดใจ จนหยุดไม่ได้ หรือมีความรู้สึกรุนแรงจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ว่าวติดลม" ในประโยค
- เขาว่าวติดลมกับการเล่นพนันบอล ทั้งที่เสียเงินไปมากแล้ว แต่ก็ยังหยุดไม่ได้
- พอได้ลองเล่นเกมนี้ครั้งแรก ลูกชายฉันว่าวติดลมเล่นติดต่อกันหลายชั่วโมงจนลืมกินข้าว
- ระวังนะ คนเรื่องเล่นหุ้นนี่ ถ้าว่าวติดลมแล้วจะสูญเสียทรัพย์สินได้หมดตัวเลยนะ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี