เขลา, คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น, เช่น รับฝากของโจรไว้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าของนั้นเป็นของโจร
ประเภทสำนวน
"รู้เท่าไม่ถึงการณ์" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยถึงการกระทำหรือพฤติกรรมที่ไม่คาดเห็นผลที่จะตามมา มีความหมายเชิงเตือนสติ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้สะท้อนถึงการกระทำของคนที่ไม่ได้คาดการณ์หรือพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำของตนเองในระยะยาว มักมีสติปัญญาและวิจารณญาณไม่เพียงพอ หรือขาดประสบการณ์ในการมองการณ์ไกล จึงทำไปโดยเห็นประโยชน์เฉพาะหน้าหรือทำไปเพราะความหุนหันพลันแล่น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" ในประโยค
- การลงทุนซื้อหุ้นตามกระแสโดยไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนจำนวนมาก
- น้องคนนี้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่งข้อมูลส่วนตัวไปให้คนแปลกหน้าทางออนไลน์จนถูกหลอกเอาเงินไปหมด
- หลายคนขับรถเร็วเพื่อจะได้ถึงที่หมายเร็วขึ้น แต่กลับเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี