มีความคิดหรือชั้นเชิงเหนือผู้อื่น; มาหรือปรากฏขึ้นโดยไม่คาดหมาย
ประเภทสำนวน
"มาเหนือเมฆ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ แต่มีความหมายแฝงเฉพาะในภาษาไทย ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง (สุภาษิต) หรือการเปรียบเทียบที่ต้องตีความ (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้ใช้เปรียบเทียบกับสิ่งหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีที่มาที่ไป หรือไม่มีสัญญาณบ่งบอกล่วงหน้า เหมือนกับมาจากที่สูงเหนือเมฆลงมา โดยไม่มีใครคาดคิดหรือเตรียมตัว แสดงถึงความฉับพลัน ไม่มีร่องรอย หรือไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "มาเหนือเมฆ" ในประโยค
- ข่าวการลาออกของผู้บริหารบริษัทคนนี้มาเหนือเมฆ ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าเขาคิดจะลาออก
- คำสั่งปรับเปลี่ยนนโยบายของบริษัทมาเหนือเมฆ ทำให้พนักงานทุกคนต้องปรับตัวกันอย่างรีบเร่ง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี