เชื่อถือแต่ฝ่ายเดียวโดยไม่ฟังความอีกฝ่ายหนึ่ง
ประเภทสำนวน
"ฟังความข้างเดียว" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดโดยตรงว่าไม่ควรตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยการรับฟังข้อมูลเพียงด้านเดียว เป็นประโยคที่สอนหลักการยุติธรรมในการรับฟังและตัดสินปัญหา
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มีแนวคิดเตือนสติให้คนเราไม่ตัดสินหรือเชื่อเรื่องราวโดยฟังข้อมูลจากฝ่ายเดียว เพราะอาจนำไปสู่การตัดสินที่ผิดพลาด ไม่เป็นธรรม สำนวนนี้มักใช้เตือนให้รู้จักรับฟังคำชี้แจงหรือข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่ายก่อนตัดสินปัญหา ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของความยุติธรรม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ฟังความข้างเดียว" ในประโยค
- อย่าเพิ่งตำหนิลูกน้องคนนั้น เราต้องไม่ฟังความข้างเดียว ควรเรียกเขามาสอบถามก่อนตัดสินใจ
- ผู้พิพากษาที่ดีจะไม่ฟังความข้างเดียว แต่ต้องพิจารณาพยานหลักฐานและคำให้การจากทุกฝ่าย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี