ประนีประนอม, อะลุ่มอล่วย, อะลุ้มอล่วย
ประเภทสำนวน
"ผ่อนหนักผ่อนเบา" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ชัดเจน ให้ข้อคิดโดยตรงเกี่ยวกับการรู้จักประนีประนอม โดยไม่ต้องตีความเพิ่มเติม มีความสมบูรณ์ในตัวเอง มีลักษณะเป็นคำสอนที่แสดงถึงความรู้จักกาลเทศะในการใช้ชีวิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึงการรู้จักผ่อนปรนไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป รู้จักทำอะไรพอดี ตามกำลังความสามารถ ไม่หักโหมจนเกินไป แสดงถึงการรู้จักสังเกตสถานการณ์และปรับตัวให้เหมาะสม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทยที่สอนให้คนเรารู้จักการประนีประนอมในการดำเนินชีวิต
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ผ่อนหนักผ่อนเบา" ในประโยค
- ทำงานอะไรก็ควรผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่ใช่เอาแต่เร่งรีบจนทำให้เกิดความผิดพลาด
- การเจรจาต่อรองกับคู่ค้า เราต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา บางครั้งก็ต้องยอมบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี