เดือดร้อนรําคาญใจเพราะมีเรื่องยุ่งยากมากจนแก้ไม่ทัน.
ประเภทสำนวน
"ปวดเศียรเวียนเกล้า" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายพิเศษที่ใช้ในภาษาไทย อีกทั้งไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง (สุภาษิต) หรือการเปรียบเทียบที่มีข้อคิดแฝง (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากคำราชาศัพท์ คำว่า "เศียร" หมายถึงศีรษะของกษัตริย์หรือเจ้านาย "เกล้า" ก็เป็นคำราชาศัพท์หมายถึงศีรษะเช่นกัน สำนวนนี้จึงหมายถึงอาการปวดหัวหรือเวียนหัวอย่างรุนแรง มักใช้เพื่อแสดงความรู้สึกเหนื่อยล้า หนักใจ หรือรำคาญใจกับปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปวดเศียรเวียนเกล้า" ในประโยค
- ฉันต้องแก้ไขเอกสารใหม่ทั้งหมดเพราะลูกน้องทำผิดพลาด ทำเอาปวดเศียรเวียนเกล้าเลยทีเดียว
- เมื่อได้ฟังเรื่องราววุ่นวายของลูกสาวที่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน คุณแม่ถึงกับปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี