ประเภทสำนวน
"น้ำตาเป็นเผาเต่า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงอย่างสุภาษิต และไม่ใช่คำหรือวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะอย่างสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการเปรียบเทียบน้ำตาที่ไหลมากมายจนเหมือนเป็นน้ำสำหรับเผาเต่า (การต้มเต่า) ใช้กล่าวถึงการร้องไห้มากอย่างหนักหน่วงจนน้ำตาไหลพรากเป็นสายเหมือนน้ำที่มากพอจะใช้เป็นน้ำต้มหรือเผาเต่าได้ บ่งบอกถึงความเศร้าโศกเสียใจอย่างรุนแรง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "น้ำตาเป็นเผาเต่า" ในประโยค
- เมื่อรู้ว่าสอบตก เธอร้องน้ำตาเป็นเผาเต่าจนพ่อแม่ต้องปลอบใจนานกว่าจะสงบลงได้
- เด็กน้อยคนนั้นเสียคุณยายไป ก็ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า สงสารจับใจ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี