หาผลประโยชน์ใส่ตนโดยขูดรีดผู้อื่น
ประเภทสำนวน
"ทำนาบนหลังคน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่ต้องตีความความหมายแฝง โดยเปรียบเทียบการกระทำที่เอาเปรียบผู้อื่นอย่างไม่ยุติธรรม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายพิเศษแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบการทำนา ซึ่งเป็นการเพาะปลูกเพื่อหาผลประโยชน์ บนหลังคน ซึ่งหมายถึงการเอาเปรียบแรงงานหรือความเหนื่อยยากของผู้อื่น เป็นการดำเนินกิจการหรือหาผลประโยชน์โดยอาศัยความเดือดร้อนหรือเอาเปรียบผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม เปรียบเสมือนการใช้แรงงานคนมาเป็นที่เพาะปลูกเพื่อหาประโยชน์ใส่ตน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ทำนาบนหลังคน" ในประโยค
- นายทุนที่จ้างคนงานทำงานหนักแต่ให้ค่าแรงน้อยนิด นั่นแหละคือการทำนาบนหลังคน
- ธุรกิจที่แอบอ้างความเดือดร้อนของชาวบ้านเพื่อระดมทุน แต่กลับนำเงินไปใช้ส่วนตัว เป็นการทำนาบนหลังคนที่น่ารังเกียจ
- ผู้จัดการคนนั้นชอบเอาผลงานของลูกน้องไปอวดอ้างเป็นของตนเอง ชัดเจนว่าเขากำลังทำนาบนหลังคน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี