การที่รัฐเรียกเก็บภาษีจากประชาชนในอัตราสูง ขูดรีดประชาชน รีดงบเก็บภาษี
ประเภทสำนวน
"ถอนขนห่าน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยถึงพฤติกรรมคนที่ค่อยๆ เอาของจากผู้อื่นทีละน้อย มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่เพียงวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากวิธีการถอนขนห่านที่ต้องทำอย่างช้าๆ ทีละเล็กทีละน้อย เพื่อไม่ให้ห่านเจ็บตัวและรู้ตัวมากนัก เปรียบเทียบกับการที่คนพยายามเอาผลประโยชน์หรือทรัพย์สินของผู้อื่นไปทีละเล็กละน้อย อย่างค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งได้มากพอตามที่ต้องการ โดยที่เจ้าของอาจไม่รู้สึกตัวหรือเจ็บปวดมากนัก
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ถอนขนห่าน" ในประโยค
- นักการเมืองคนนั้นใช้วิธีถอนขนห่านโดยค่อยๆ เรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาทีละเล็กละน้อย ทำให้ยากต่อการตรวจจับ
- พ่อแม่บางคนมักจะถอนขนห่านลูกที่ทำงานแล้ว โดยขอเงินทีละนิดทีละหน่อยจนลูกหมดตัวโดยไม่รู้ตัว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี