ถูกลวงด้วยเล่ห์กลหรืออุบาย, เสียรู้, หลงกล กลลวง หลุมพราง
ประเภทสำนวน
"ตกหลุมพราง" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายได้ตรงตัว ต้องตีความเป็นพิเศษ มีความหมายเฉพาะในภาษาไทย ไม่ได้มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรง (สุภาษิต) หรือเป็นคำเปรียบเปรย (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากวิธีดักสัตว์โดยการขุดหลุมแล้วพรางด้วยกิ่งไม้ใบไม้หรือวัสดุอื่นๆ เพื่อให้สัตว์เดินผ่านแล้วตกลงไปในหลุมโดยไม่รู้ตัว เมื่อนำมาใช้เป็นสำนวน จึงหมายถึงการถูกหลอกหรือติดกับดักที่ผู้อื่นวางไว้โดยไม่รู้ตัว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตกหลุมพราง" ในประโยค
- นักการเมืองคนนั้นตกหลุมพรางฝ่ายตรงข้ามที่ให้สัมภาษณ์ในประเด็นอ่อนไหว ทำให้เสียคะแนนนิยมไปมาก
- บริษัทของเขาตกหลุมพรางการลงทุนที่คู่แข่งวางไว้ ทำให้เสียเงินไปหลายล้านบาท
- พวกเราต้องระวังอย่าตกหลุมพรางของมิจฉาชีพที่ส่งอีเมลหลอกลวงมา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี