หมายถึง การปล่อยงานคั่งค้างอยู่เรื่อยๆเพราะมัวแต่ผัดวันประกันพุ่งในไม่ช้างานที่คั่งค้างนั้นจะพอกพูนมากขึ้นทุกทีจนเป็นภาระที่หน้าเบื่อหน่ายภายหลัง
ประเภทสำนวน
"ดินพอกหางหมู" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายได้ตรงตัว ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำเปรียบเทียบชัดเจนเหมือนคำพังเพย แต่เป็นคำที่มีความหมายเฉพาะตัวในวัฒนธรรมไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบกับลักษณะที่ดินหรือโคลนเกาะติดที่หางหมูแล้วค่อยๆ สะสมจนหนาขึ้นเรื่อยๆ หมายถึงการปล่อยปละละเลย ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่จัดการกับปัญหาหรืองานทันที จนกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือยากที่จะแก้ไข ปัญหาหรืองานก็จะสะสมพอกพูนเหมือนดินที่ค่อยๆ เกาะหางหมูจนหนาและแน่น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ดินพอกหางหมู" ในประโยค
- งานเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะเธอนั่นมันกลายเป็นดินพอกหางหมูไปแล้ว ถ้าไม่รีบจัดการตอนนี้ ต่อไปคงทำไม่ไหวแน่
- การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมถูกปล่อยให้เป็นดินพอกหางหมูมานานหลายปี ทำให้ตอนนี้ต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการแก้ไข
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี