คนใหญ่คนโตขัดแย้งมีปัญหากัน หรือผู้นำของแต่ละฝ่ายนั้นมีปัญหาทะเลาะกัน แต่ส่งผลให้ผู้น้อยหรือประชาชน ลูกน้องนั้นได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน
ประเภทสำนวน
"ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่แฝงความหมายให้ต้องตีความเพิ่มเติม มีลักษณะการเปรียบเปรยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากภาพของช้างใหญ่สองตัวมาต่อสู้กัน ทำให้หญ้าแพรกซึ่งเป็นพืชเล็กๆ ที่อยู่ใต้เท้าช้างได้รับความเสียหายโดยไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง เปรียบเหมือนเมื่อผู้มีอำนาจหรือใหญ่โตทะเลาะวิวาทกัน ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจหรือผู้ไม่เกี่ยวข้องมักจะได้รับผลกระทบหรือความเดือดร้อนไปด้วย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ" ในประโยค
- เมื่อสองประเทศมหาอำนาจประกาศสงครามทางการค้าต่อกัน ประเทศเล็กๆ ที่เป็นพันธมิตรทางการค้าก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย นี่แหละที่เรียกว่าช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ
- การทะเลาะกันของผู้บริหารระดับสูงทำให้พนักงานธรรมดาต้องตกงานกันเป็นจำนวนมาก เป็นตัวอย่างชัดเจนของช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี