ฉวยโอกาส เอาสิ่งของคนอื่นทำจนสำเร็จแล้วมาเป็นประโยชน์ของตน โดยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องอะไรมาก่อนเลย
ฉวยประโยชน์จากคนอื่นโดยไม่ได้ลงทุนลงแรง
ฉวยเอาผลประโยชน์ของผู้อื่น โดยตัวเองไมได้ลงทุนลงแรง
ประเภทสำนวน
"ชุบมือเปิบ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนไทยเพราะไม่สามารถเข้าใจความหมายได้จากการแปลตรงตัว ต้องรู้ความหมายเฉพาะที่ใช้ในภาษาไทย ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงและก็ไม่มีลักษณะเปรียบเปรย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการเอามือเปล่าไปชุบอาหารหรือของที่คนอื่นทำเตรียมไว้แล้วมากิน โดยที่ตนเองไม่ได้ช่วยทำ สื่อถึงการที่คนที่ไม่ได้ลงแรงหรือร่วมทำงานตั้งแต่ต้น แต่พอเห็นว่างานสำเร็จหรือได้ผลประโยชน์แล้ว จึงเข้ามาแสดงตัวเพื่อขอส่วนแบ่งหรือชิงเอาผลประโยชน์นั้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชุบมือเปิบ" ในประโยค
- นายสมชายไม่เคยช่วยทำโปรเจ็กต์เลย แต่พอผลงานได้รับคำชม กลับเข้ามาชุบมือเปิบขอใส่ชื่อเป็นผู้ร่วมงาน
- การที่พ่อค้ามาเปิดร้านขายของใกล้งานเทศกาล โดยที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่มาก่อน แต่มาเมื่อมีคนเยอะแล้ว ถือเป็นการชุบมือเปิบ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ชุบมือเปิบ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะที่ใช้กันในภาษาไทย หากแปลตรงตัวว่า 'ชุบมือแล้วเปิบ' จะไม่สื่อความหมายที่แท้จริงของสำนวน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการกินอาหารแบบโบราณ ที่มีคนทำอาหารเสร็จและเตรียมไว้พร้อมแล้ว แต่มีคนอื่นมาชุบมือลงไปในอาหารและหยิบขึ้นมากินทันที โดยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำหรือเหนื่อยยากใดๆ จึงใช้เปรียบเปรยถึงคนที่ไม่ได้ช่วยทำงาน แต่มาร่วมรับผลประโยชน์เมื่องานสำเร็จแล้ว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชุบมือเปิบ" ในประโยค
- บริษัทนี้พัฒนาผลิตภัณฑ์มานานหลายปี พอใกล้จะประสบความสำเร็จ นายทุนรายนั้นก็เข้ามาชุบมือเปิบซื้อบริษัทไปในราคาถูก
- นักการเมืองบางคนไม่เคยทำงานให้ประชาชน แต่พอใกล้เลือกตั้งก็มาชุบมือเปิบ แจกของให้ชาวบ้านเพื่อหวังคะแนนเสียง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ชุบมือเปิบ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ หากแปลตรงตัวจะหมายถึงการชุบมือแล้วกินอาหาร แต่ความหมายจริงหมายถึงการรับประโยชน์จากความเหนื่อยยากของผู้อื่นโดยไม่ได้มีส่วนลงแรง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการกินอาหารแบบโบราณที่ใช้มือหยิบอาหาร ซึ่งมารยาทที่ดีคือต้องล้างมือก่อนกิน แต่หากคนที่ไม่ได้ช่วยทำอาหาร แต่พอถึงเวลากินกลับรีบล้างมือมากินทันที เปรียบเหมือนคนที่ไม่ได้ช่วยเหลือในการลงแรงทำงาน แต่พอได้ผลประโยชน์ก็รีบมารับไปโดยไม่ได้ช่วยทำงานใดๆ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชุบมือเปิบ" ในประโยค
- พวกผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามาชุบมือเปิบงานที่พนักงานคนเก่าเขาวางรากฐานไว้ดีแล้ว
- ฉันทำงานหนักมาตลอดสามปี พอโครงการสำเร็จ เขากลับส่งคนอื่นที่ไม่เคยเกี่ยวข้องไปรับรางวัล นี่มันชุบมือเปิบชัดๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี