มีร่างกายพิการจนเดินไม่ได้อย่างปกติ
ประเภทสำนวน
"ง่อยเปลี้ยเสียขา" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ต้องตีความ ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้จากการแปลตรงตัว เพราะความหมายที่แท้จริงไม่ได้หมายถึงการเป็นง่อยเปลี้ยหรือเสียขาจริงๆ แต่หมายถึงสภาพที่ย่ำแย่ ทรุดโทรม หรือเสื่อมถอย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้อุปมาถึงสภาพที่อ่อนแอ ทรุดโทรม เสื่อมสภาพ หรือย่ำแย่อย่างหนัก โดยเปรียบเทียบกับลักษณะทางกายภาพของคนที่พิการทางขา ไม่สามารถเดินได้ตามปกติ ใช้เพื่อบรรยายสภาพที่ตกต่ำ หมดสภาพ ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย ฐานะ หรือสถานการณ์ต่างๆ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ง่อยเปลี้ยเสียขา" ในประโยค
- หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ธุรกิจของเขาง่อยเปลี้ยเสียขาไปหมด แทบจะล้มละลาย
- การเมืองประเทศนี้ง่อยเปลี้ยเสียขามาหลายปีแล้ว ขาดเสถียรภาพและความเชื่อมั่นจากประชาชน
- หลังประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ สุขภาพของเขาง่อยเปลี้ยเสียขา ต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานมาก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี