จำได้เลือนลาง ไม่แน่ชัดไม่ชัดเจนว่าจะใช่หรือไม่ใช่ นึกออกแต่ก็ไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่
ประเภทสำนวน
"คลับคล้ายคลับคลา" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลความหมายได้ตรงตามตัวอักษร ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะที่ใช้กันในภาษาไทย เป็นคำซ้ำคล้องจองที่สื่อถึงความไม่แน่ใจ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้ใช้กับสิ่งที่มองเห็นหรือได้ยินไม่ชัดเจน ทำให้ไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างที่คิดหรือไม่ เป็นการแสดงความลังเลสงสัย ไม่กล้ายืนยันอย่างเต็มที่ว่าเป็นสิ่งนั้นจริง ๆ มาจากการเลียนเสียงและความรู้สึกคลุมเครือ ไม่ชัดเจน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คลับคล้ายคลับคลา" ในประโยค
- เขาบอกว่าเห็นคุณสมชายเดินอยู่แถวตลาด แต่ก็คลับคล้ายคลับคลา ไม่กล้ายืนยัน
- ฉันได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาจากห้องข้าง ๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเสียงคนคุยกัน
- ตอนแรกผมเห็นเธอก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียน แต่พอเข้าไปทักก็เลยรู้ว่าเป็นคนละคน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี