การจัดงานศพให้แก่ผู้ตายอย่างใหญ่โตทั้งที่ผู้อยู่ข้างหลังยากจนไม่มีเงิน หรือต้องไปกู้เงินมาจนเป็นหนี้สิน
ประเภทสำนวน
"คนตายขายคนเป็น" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเปรียบเทียบและต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต แต่เป็นการเปรียบเปรยถึงพฤติกรรมที่คนเอาความผิดไปให้ผู้ที่ไม่สามารถแก้ตัวได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มาจากการเปรียบเทียบว่า เมื่อเกิดปัญหาหรือความผิดขึ้น คนที่ทำผิดจริงๆ (เปรียบเสมือนคนที่ยังมีชีวิตอยู่) กลับโยนความผิดให้คนที่ไม่สามารถชี้แจงแก้ตัวได้ (เปรียบเสมือนคนตาย) ซึ่งไม่สามารถปกป้องตัวเองหรือโต้แย้งได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คนตายขายคนเป็น" ในประโยค
- หลังจากบริษัทขาดทุน ผู้บริหารคนใหม่ก็ออกมาโทษว่าเป็นเพราะนโยบายผู้จัดการคนเก่าที่เสียชีวิตไปแล้ว ชัดเจนว่าเป็นการคนตายขายคนเป็น
- เมื่อมีความผิดพลาดในโครงการ ทีมงานรีบโยนความผิดให้กับเพื่อนร่วมงานที่ลาออกไปแล้ว นี่คือการคนตายขายคนเป็น เพราะเขาไม่อยู่ที่นี่แล้วจึงไม่สามารถแก้ตัวได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี