ต่างคนต่างแรง ไม่ยอมกัน เรื่องเล็กก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป เพราะทิฐิมานะ
ต่างก็จัดจ้านพอๆกัน,ต่างก็มีอารมณ์ร้อนพอๆกัน,ต่างไม่ยอมลดละกัน
ประเภทสำนวน
"ขิงก็ราข่าก็แรง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบพฤติกรรมที่ต้องตีความเพิ่มเติม มีความหมายเปรียบเปรยลักษณะของคนสองฝ่าย ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำที่แปลไม่ได้ตามตัวอักษรเหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบกับเครื่องเทศทั้งสองชนิดคือขิงและข่า ซึ่งต่างมีรสชาติเผ็ดร้อนและจัดจ้านไม่แพ้กัน ใช้เปรียบกับสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีลักษณะนิสัยแข็งกร้าว ดื้อรั้น หรือเอาแต่ใจเหมือนกัน จึงทำให้ไม่มีใครยอมใคร และมักจะขัดแย้งกันอยู่เสมอ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขิงก็ราข่าก็แรง" ในประโยค
- ไม่แปลกที่แม่ลูกคู่นี้จะทะเลาะกันบ่อย เพราะทั้งคู่ขิงก็ราข่าก็แรง ไม่มีใครยอมลดราวาศอกให้กันเลย
- พ่อกับลูกชายคนโตเถียงกันทุกวัน ขิงก็ราข่าก็แรง ทั้งคู่พูดไม่รู้เรื่อง ทำให้บรรยากาศในบ้านตึงเครียดไปหมด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ขิงก็ราข่าก็แรง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม โดยเปรียบเทียบพฤติกรรมของคนทั้งสองฝ่ายที่ต่างไม่ยอมกัน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะของพืชสองชนิด คือ ขิง และข่า ซึ่งทั้งคู่ต่างมีรสชาติเผ็ดร้อน และมีกลิ่นฉุน ไม่มีฝ่ายใดยอมอ่อนให้กัน ใช้เปรียบเทียบกับคนสองฝ่ายที่ต่างก็มีนิสัยแข็ง ดื้อรั้น ไม่มีใครยอมลดราวาศอกให้กัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขิงก็ราข่าก็แรง" ในประโยค
- สามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกันบ่อย ขิงก็ราข่าก็แรง ไม่มีใครยอมกันเลย
- การเจรจาจะไม่มีทางสำเร็จถ้าทั้งสองฝ่ายยังคงขิงก็ราข่าก็แรง ต่างฝ่ายต่างต้องยอมลดความต้องการลงบ้าง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี