ทำอะไรจวนตัว มาถึงตัวแล้วเพิ่งจะเริ่มทำ จนทำให้ลนลาน
ประเภทสำนวน
"กินแกงร้อน" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลความตรงตัวได้ ต้องตีความเป็นนัยพิเศษ ไม่ใช่เป็นคำสอนโดยตรง (จึงไม่ใช่สุภาษิต) และไม่ได้เปรียบเทียบอย่างชัดเจน (จึงไม่ใช่คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวน 'กินแกงร้อน' มีที่มาจากการกินอาหารร้อน ซึ่งต้องเป่าหรือรอให้เย็นลงก่อน มิฉะนั้นจะลวกปาก เปรียบเทียบกับการพูดหรือทำอะไรเร็วเกินไป ไม่รอไตร่ตรองให้รอบคอบ จนทำให้เกิดความผิดพลาดหรือเสียหาย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กินแกงร้อน" ในประโยค
- เธอควรใช้เวลาคิดให้ดีก่อนตัดสินใจลาออก อย่ากินแกงร้อนแบบนี้ เดี๋ยวจะเสียใจทีหลัง
- พอได้ยินข่าวลือเรื่องหุ้นตกก็รีบขายทิ้งทันที สุดท้ายราคากลับพุ่งขึ้น นี่แหละกินแกงร้อน รีบร้อนตัดสินใจโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ดี
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี