การไปล้อเล่น ท้าทายกับผู้ที่มีอำนาจ บารมีมากกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ประเภทสำนวน
"กระต่ายแหย่เสือ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำพังเพยเพราะมีลักษณะเป็นการเปรียบเทียบที่ต้องตีความความหมายแฝง เปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่ด้อยกว่าไปท้าทายหรือยั่วยุคนที่เหนือกว่าตนมาก
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มาจากการเปรียบเทียบกับสัตว์สองชนิดที่มีขนาดและพละกำลังต่างกันอย่างมาก คือกระต่ายซึ่งเป็นสัตว์ตัวเล็กและอ่อนแอ กับเสือซึ่งเป็นสัตว์นักล่าที่แข็งแรงดุร้าย การที่กระต่ายไปแหย่หรือยั่วยุเสือจึงเป็นการกระทำที่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก เพราะกระต่ายไม่มีทางสู้เสือได้ และมีโอกาสสูงที่จะถูกเสือจับกินเป็นอาหาร
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กระต่ายแหย่เสือ" ในประโยค
- มันเป็นเรื่องกระต่ายแหย่เสือชัดๆ คนอย่างเธอไปท้าทายหัวหน้าแก๊งอันธพาลแบบนั้น กลับบ้านมาโดนทำร้ายก็ไม่แปลก
- การที่บริษัทเล็กๆ อย่างเราจะไปฟ้องบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับชาติ ก็เหมือนกระต่ายแหย่เสือ เราไม่มีทางชนะคดีหรอก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี